ปฐมบท Rematch สุดมันส์ UFC 148 Silva vs Sonnen

ก่อนจะถึงวันแข่ง UFC 148 Silva vs Sonnen วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฏาคม นี้ เรามาอ่านประวัติของนักสู้ทั้ง 2 คน ว่าเป็นมาอย่างไร และ ทำไมทั่วโลกจึงจับตาดู Rematch ของคู่นี้กันนักครับ นำมาเรียบเรียงใหม่จาก บทความของคุณ หมัดแมว จาก http://www.facebook.com/UFCThailandFanClub ครับ

ประวัติไอ้แมงมุม ฉบับลัดสั้น

Anderson “The Spider” Silva เจ้าของตำแหน่งนักสู้ mma อันดับ 1 ของโลกเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ทุกสำนักติดกันมาอย่างยาวนาน (สมัยก่อนสลับกับ Fedor ก่อนที่จะแพ้ Wardum) ผู้ที่ประธาน UFC ถึงกับยกให้เป็น “นักสู้ mma ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล” หนึ่งเดียวของโลกผู้ไม่แพ้ใครใน UFC มานานถึง 6 ปี

Silva ที่คนไทยจะมักรู้จักว่าเขาใช้มวยไทยแต่อย่างไรก็ตาม Silva เคยชก kickboxing อาชีพเพียง 2 ครั้งเท่านั้นตามบันทึกโดยครั้งแรกแพ้น็อค ดังนั้นจะเรียกว่าการสู้แทบทั้งหมดของ Silva ก็อยู่ใน mma ต่างจากนักสู้บราซิลหลาย ๆ คนที่เริ่มจากเป็นแชมป์ BJJ หรือแชมป์มวยไทยแล้วข้ามมาชก mma โดย Silva เริ่มต้นสู้ในสังเวียน vale tudo ที่บราซิลในปี 1997 ซึ่งก็มี ชนะน็อกบ้าง ซับบ้าง คะแนนบ้าง แพ้บ้าง (1 ครั้ง) ไม่ได้ฉายแววความโดดเด่นอะไรมากนัก 4 ปีต่อมา Silva ประสพความสำเร็จจากการชนะ Hayato Sakurai ที่ไม่แพ้ใครติดกันมา 20 ไฟท์ ได้แชมป์ Shooto Middleweight Champion

ต่อจากนั้น Silva ได้ได้มาสู้ที่ญี่ปุ่นเป็นหลักในรายการ mma อันดับ 1 ของโลกในยุคนั้น ซึ่งก็คือ Pride FC ที่เรารู้จักกันดี ถ้าไม่นับที่แพ้ครั้งแรก คนทำให้ Silva แพ้ได้ทั้ง 3 คนเป็นนักสู้ญี่ปุ่นทั้งหมด ในการสู้ที่ Pride ครั้งที่ 4 Silva แพ้ให้กับ Daiju Takase

[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=4gqzhrthlUc[/youtube]

ต่อจากนั้นก็ไปสู้ที่อังกฤษ บราซิล และเกาหลี และได้ไปคว้าแชมป์ Cage Rage World Middleweight Championship มาได้ หลังจากได้แชมป์ Silva กลับไปญี่ปุ่นในศึก Pride Shockwave 2004 โดยพบกับ Ryo Chonan ซึ่งเป็นแมตท์ Submission ในตำนาน

[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=Cyth7pxQLuI[/youtube]

ซึ่งท่านี้มันไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่ในการต่อสู้จริง ๆ ผมเห็นครั้งแรกจากการ์ตูนใครว่าข้าไม่เก่ง เรียกว่า Silva แพ้ล็อคอีกครั้งและโดนตัดออกจาก Pride ไป เขาไม่สามารถประสพความสำเร็จใน Pride ได้ ตอนนั้นไม่มีใครจำเขาได้เท่าไหร่นัก ต่างจากชาวบราซิลที่ไปประสพความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ที่นั่นอย่าง Wandalei และสองพี่น้องโนเกียร่าลิบลับ ดังนั้น Silva ได้หันเหไปทางฝั่งอังกฤษโดยก็สามารถป้องกันแชปม์ Cage Rage เอาไว้ได้ด้วยการน็อคทั้ง 2 ครั้ง Silva ได้ลงแข่งรายการ Rumble on the Rock ที่ฮาวายแล้วก็ไม่ถูกโฉลกกับคนญี่ปุ่นจริง ๆ Silva เอาตีนตอกหน้า Yushin Okami น๊อคในท่าการ์ดขณะอยู่ข้างล่างได้ เป็นลูกเตะที่เหนือจินตนาการจริงๆ

[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=StYulH-yKsk [/youtube]

แต่แพ้ฟาวล์โดนตัดออกจากทัวร์นาเม้น สร้างความผิดหวังให้กับเขาอย่างมากเพราะเกมส์สู้ก็เหนือกว่า Okami ชัดเจน (โดยศึกครั้งนั้นผู้ชนะคือ Jake Shields) หลังจากความผิดหวัง Silva ได้กลับไปป้องกันแชมป์ Cage Rage ได้อีก 1 ครั้ง

ในปี 2006 Silva ได้โอกาสเซ็นสัญญากับ UFC ในศึก UFC Ultimate Fight Night 5 Silva เปิดตัวได้อย่างน่าตกตะลึง จากการชนะ Chris Leban (ขวัญใจหมัดแมวเองครับ) ด้วยการน็อคเอาท์ไปได้ (49 วินาที ยก 1) ซึ่ง Leban ขึ้นชื่อเรื่องคางเหล็กไม่แพ้น็อคใครและไม่แพ้ใครใน UFC มา 5 ไฟท์รวดในขณะนั้น นั่นเป็นจุดเริ่มที่โลกต้องหันมามองนักสู้หุ่นเก้งก้างคนนี้ แมตท์ต่อมา Silva ส้มหล่นเมื่อ UFC จัดการโหวตนักสู้ที่จะมาชิงกะแชมป์ UFC Middle Weight ขณะนั้น Rick Frankin อดีตครูมัธยม ผู้จบปริญญาตรีทางคณิตศาสตร์และโทด้านการศึกษา ณ ศึก UFC 64 ท้ายปี 2006 Silva ได้ทำจุดประกายให้ UFC และวงการ mma รู้จักพิษสงของการโจมตีด้วยท่า Muay Thai-clinch “กอดคอตีเข่ามวยไทย” Frankin ที่เชิงหมัดดีมากใครจะไปคิดว่ามีคนที่สามารถน็อคแชมป์เพียงยกแรกได้ วันนั้นแชมป์เจอกอดคอจนแกะไม่ออกมาใช้ระยะยิงหมัดได้ เรียกว่าแพ้ทางจริง ๆ Silva โหมกระหน่ำตีท้องจนทรุดตามด้วยหน้าจน ยังผลทำให้ Frankin จมูกหัก จนพี่ Big John กรรมการจับแพ้ TKO คว้าแชมป์ UFC ได้สำเร็จ หลังจากแมตท์นั้นถือว่า Silva เป็นทำให้มวยไทยบูมในวงการ mma และภายหลังก็มีนักสู้ mma หลายคนนิยมใช้ท่า Muay Thai-clinch และพัฒนาจนเป็นอาวุธเด็ดเผด็จศึกคู่ต่อสู้จนเป็นที่แพร่หลายใน mma ปัจจุบัน ซึ่ง Silva ก็ได้เครดิตจนทุกวันนี้ (ส่วนในฝั่ง Pride นั้นก็ต้องยกให้ Wandalei Silva เช่นกัน)

พูดถึงสไตล์ของ Silva แม้ว่าคนส่วนใหญ่รู้จักกันดีจากสไตล์มวยไทยของ Silva แต่อย่างไรก็ตามแท้จริงแล้วมันเป็นส่วนผสมของความครบเครื่องหลากหลายสไตล์รวมจนเป็นสไตล์ของตัวเอง Silva เป็นสายดำ BJJ สายดำยูโด สายดำเทควันโด และสายเหลืองคาโปเอร่า ฝึกหมัดกับเทรนเนอร์มวยสากลระดับโลก ลามไปถึงฝึกกะดาราหนัง Sterven Segal เลยก็มี ซิลวาเริ่มฝึกมวยไทยจากค่าย Chutebox ที่โด่งดังมาก ๆ ในสมัยนั้น ซึ่งมวยไทยของ Chutebox หรือมวยไทยที่พวกบราซิลฝึกนั้น สันนิษฐานว่าต่างจากมวยไทยต้นตำหรับบ้านเราพอสมควร เพราะในตั้งแต่ยุค 70 การฝึกมวยไทยที่บราซิลนั้นมีจุดหมายในการลงแข่ง vale tudo ซึ่งน่าจะมีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อสไตล์ของบราซิลเลี่ยนมวยไทย ดังนั้นมวยไทยในแบบ Chutebox จึงเป็นมวยไทยที่ปรับให้เหมาะกับการสู้ MMA โดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น มักจะแยกขาห่าง ๆ เพื่อใช้เทคนิค spraw ยุบตัวกันการ takedown เน้นการเตะขา เน้นการต่อยหมัด มากกว่ามวยไทยต้นตำหรับที่นิยมเตะสูงที่ลำตัวและหัว Silva ตัดสินใจออกจาก Chutebox อันลือลั่นตั้งแต่ปี 2006 ไปตั้ง Muay Thai Dream Team ของตัวเอง (ลือกันว่าเพราะอิทธิพลของในค่าย Wandalei ไม่ก็เรื่องค่ายโกงเงิน ไม่มีหลักฐานชัดเจนนัก) แต่ก็ยังสามารถพัฒนาการเทคนิคต่อสู้ให้เก่งยิ่ง ๆ ขึ้นไปได้ จากการไปร่วมทีม Black House กับ Lyoto Machida, Vitor Belfort, Assuerio Silva, และแฝด Nogueira ในปีเดียวกันนั้นเอง จุดเด่นของ Silva สามารถกล่าวได้ว่าอาวุธหนักที่สุดคนหนึ่ง แม่นยำราวกับล็อคเป้าหมาย และการ counter จากการโยกหลบชนิดไม่มีใครในกีฬานี้ทำได้ โดนสวนเป็นร่วงทุกรายไป (แขนยาวขายาวถึงก่อน) ที่สำคัญมีลูกน็อคเอาท์ที่หลากหลาย มีจิตนาการในการน็อคคู่ต่อสู้ได้ทุกลูกแม้กระทั่งในเวลาคับขัน แม้ว่าท่ายืนของซิลวาจะโดดเด่น แต่ท่านอนของซิลวากลับไม่เป็นรองใครจากที่ซับมิสชั่นพวกสายนอนที่มีดีกรีสุดยอดมานักต่อนัก นี่คือปัจจัยแห่งความสำเร็จที่ทำให้ผู้ท้าชิงคนแล้วคนเล่าไม่ได้ใกล้จะสัมผัสเข็มขัดเส้นนี้แม้แต่นิด ปัจจุบัน Trainer ของ Silva มีดังนี้

Boxing: Josuel Distak and Luiz Dorea
Jiu-Jitsu: Antonio Rodrigo Nogueira, Sylvio Behring and Ramon Lemos
Wrestling: Mark Munoz

Anderson Silva ไม่ได้เก่งในสายตาแฟน ๆ เท่านั้น แต่เป็นคนที่ครองสถิติสุดยอดของ UFC หลายรายการการันตีฝีมือของ best of P4P ในยุคนี้อย่างไม่มีใครเทียบได้ Most all-time knockdowns in UFC history (15), No. 1 in significant strike accuracy (68.5%), Longest all-time UFC win streak (14), Best all-time UFC win percentage (1.000), Most title fight victories (10), Most UFC title defenses (9) and Longest reign by days (2,089)

ต่อมาในการป้องกันแชมป์ Silva ก็ชนะ Travis Lutter ที่ว่ากันว่าเก่ง BJJ เหลือเกินลงพื้น Silva เสร็จแน่แต่ก็กลับแพ้โดนซิลวาล็อคไทรแองเกิ๊ลบวกศอกเฉาะ แชมป์ King of Pancrase 3 สมัยอย่าง Nate Marquardt ที่เก่งเหลือเกิน ก็โดนเก็บเพียงยก 1 เท่านั้น Rich Franklin ที่กลับมา rematch ซึ่งก็ฝึกแก้ท่าประกบเข่าแต่สุดท้ายก็แกไม่ตกโดนหวดแพ้ไปอีกรอบด้วยเข่าเหมือนเดินจนทำให้ Frankin เลิกหวังเรื่องการกลับมาคว้าแชมป์ไปอีกเลย ชนะรัดคอแชมป์ Pride Dan Henderson ที่เป็นมวยปล้ำโอลิมปิคได้ จับขา James Irvin ต่อยสวนจนน็อค แมตท์ต่อมา Patrick Côté ที่แพ้ขาแพลงไปเองยก 3 ไม่น่าประทับใจเพราะ Silva เริ่มใช้แทคติกไม่สู้เต็มที่น่าเบื่อมากจนประธาน Dena White โวย ต่อมาแมตท์ที่น่าทุเรศที่สุดกะ Thales Leites ที่สร้างความผิดหวังและเสียงโห่ให้กับแฟน ๆ จนตอนนั้นถือว่าเป็น worst fight in MMA history โดยแทคติกเหมือนเดิมไม่ยอมสู้ สร้างความอับอายให้กับผู้จัดอย่างมาก ทั้งที่ Silva สามารถจัดการ Leites เมื่อใดก็ได้ไม่ต่างจาก Côté แต่ไม่ยอมชกมัวเต้น ๆ ไม่ต่างจากกลยุทธ์ของค่าย Grag Jackson จนประธาน UFC กล่าวว่าถ้าครั้งหน้าทำอย่างนี้อีกไล่ออกไม่ต้องโผล่หน้ามาอีกเลย ซึ่ง Leites ก็เต้นไม่ต่าง Silva แต่อย่างไรก็ตามท่ากอดคอตีเข่า Silva ไม่ได้ผลกับ Leites ที่เตรียมตัวหนีมาเป็นอย่างดี ไม่ก็ทิ้งตัวเลย Silva กอดแต่ไม่สามารถตีเข่าได้ (Leites แมตท์ต่อมาก็เต้นเช่นเดิมทำให้ประธานไล่ออกทันทีแม้ว่า Leites จะมีสถิติสวยหรูและเก่งมาก ๆ (14-1 ก่อนเจอ Silva) ไม่มีเอาไว้ จนต้องไปแข่งรายการเล็ก ๆ ซึ่งทุกวันนี้ก็เก่งอยู่ชนะตลอดแพ้อีกแค่ครั้งเดียว) หลังจากแมตท์นั้นดูเหมือนว่าท่าเข่าของ Silva จะไม่ได้ใช้กินนิ่มง่าย ๆ อีกแล้วแต่อย่างไรก็ตาม Silva ยังสามารถน็อคคู่ต่อสู้ด้วยอาวุธอื่น ๆ หลากหลายกันไป

หลังจากโดนสวด Silva ชกข้ามรุ่นกับ Forrest Griffin อดีตแชมป์ LightHeavy Weight Silva กลับมาได้อีกครั้ง โดยโชว์ความเหนือชั้นโดยปล่อยการ์ด สวนหมัดต่อย Griffin รุ่นใหญ่ร่วงไปถึง 3 ครั้ง จน Griffin แพ้ไปแบบง่าย ๆ แมตท์นี้ได้รับรางวัล Beatdown of the Year for 2009 จาก Sherdog แต่ต่อมาผจก.ประกาศว่า Silva ยังคงจะอยู่ในรุ่น MW ต่อไป ต่อมาก็ชนะคะแนน Demian Maia ท่ามกลางการเดินทางอันร้อนแรงไม่มีวี่แววว่าใครจะหยุดแชมป์คนนี้ไว้ได้ ดั่งเช้าอันสดใสที่ไม่มีใครจะคาดคิดของคืนวันฆาตกรรมโหด ชายผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมาซึ่งในเวลานั้นแฟน mma ในไทยยังไม่รู้จักเขามากเท่าไหร่ ใน UFC ก็ไม่ได้โด่งดังมากมายในเวลานั้น เพิ่งมาไม่นาน ทุกคนเห็นผู้ท้าชิงที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง ดูออกจะอายุผ่านจุดสูงสุดของอาชีพไปแล้วด้วยซ้ำ สถิติไม่ได้เลิศหรู แพ้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ปากของเขานั้นร้ายเหลือเกิน

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนานการสู้กันระหว่างฮีโร่ฝ่ายธรรมมะและฝ่ายอธรรม The coming of “โคตรเกรียนมหาประลัย” Chael Sonnen

อ่านต่อได้ที่
https://thaimmaclub.com/ufc-148-silva-vs-sonnen-rematch-2/