บัวขาว ตำนานมวยไทย ที่มีชีวิต 100 ไฟท์ 100 ล้าน
**เขียนขึ้นจากความทรงจำ และ การหาข้อมูลในโลกออนไลน์ ผิดพลาดประการใดขออภัย พี่บัวขาว ด้วยนะครับ
แอดมินธี รู้จัก พี่บัวขาว ครั้งแรกก็คือไฟท์ที่ชนะ มาซาโตะ ซุปเปอร์สตาร์ของญี่ปุ่นในศึก K-1 World Max ปี 2004 ที่ทางญี่ปุ่นหมายมั่นปั้นมือว่าจะให้เป็นแชมป์ K-1 World Max 2 สมัยคนแรก เนื่องจากมาซาโตะ คว้าแชมป์ในปี 2003 มาแล้ว แต่วันนั้นเจอม้ามืดที่ชื่อว่า บัวขาว เสียก่อน พี่บัวขาว เปลี่ยนเสียงเชียร์มาซาโตะ ให้กลายเป็นเสียงปรบมือกึงก้อง แด่นักชกหนุ่มจากประเทศไทยวัย 22 ปี กลายเป็น “นักมวยไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ K-1” สำเร็จ รับเงินรางวัล 10 ล้านเยน และ ได้ “ค่าตัว 1 ล้านบาทครั้งแรก” และหลังจากวันนั้น ค่าตัวบัวขาวก็ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทอีกเลย รับชมวีดีโอได้ที่
สำหรับคนไทยในยุคนั้น ก็คงไม่ใส่ใจว่ามันคือรายการอะไร เพราะไม่ใช่มวยไทย แต่สำหรับคนทั่วโลก นี่คือรายการมวยคิกบ็อกซิ่ง ที่ดีที่สุดในช่วงนั้น ทัวร์นาเมนต์ 8 คนที่ต้องตัดสินผู้ชนะในคืนเดียว และ คัดนักมวยเก่งๆทั่วโลก มาประลองกัน นักมวยไทยชื่อดัง หลายต่อหลายคนที่เคยขึ้นแข่งในสังเวียนนี้ แต่ยังไม่เคยมีใครคว้าแชมป์ได้สำเร็จ จนกระทั่งมาถึงบัวขาว
ตั้งแต่วันนั้น แฟนๆทั้งญี่ปุ่น และ ทั่วโลกก็ให้ความสนใจในตัว บัวขาว ซึ่งต่อจากนั้นก็เดินทางชกมวยในต่างประเทศเป็นหลัก ในปี 2005 บัวขาวก็ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ K-1 อีกครั้ง พร้อมกับเจอกติกาใหม่ ห้ามกอดคอตีเข่าหลายครั้ง แถมบอกกติกาครั้งแรกวันชกเสียด้วย *-* (นี่คือคนที่ทำให้กติกาคิกบ็อกซิ่งต้องเปลี่ยนไป) วันนั้น บัวขาว เจอกับ แอนดี้ ซาวเออร์ ยอดนักชกชาวฮอลแลนด์ การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด แต่สุดท้ายเป็นทาง แอนดี้ ซาวเออร์ ชนะไปแบบมีข้อกังขากันว่า นี่คือการป้องกันไม่ให้ บัวขาว คว้าแชมป์ K-1 MAX สมัยที่ 2 คนแรกหรือไม่ เพราะหลายๆคนก็มองว่า บัวขาว สมควรชนะคะแนน
คำว่า ท้อถอย บนสังเวียน ไม่มีในหัวของ ยอดนักชกไทยอย่าง บัวขาว ปี 2006 บัวขาวกลับมาฝึกซ้อมเพิ่มอาวุธหมัด และลุยสังเวียน K-1 อีกครั้งผ่านรอบคัดเลือกหลายสนาม จนในที่สุดก็ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ในที่สุด และ คู่ชิงในวันนั้นก็คือ แอนดี้ ซาวเออร์ แชมป์ K-1 ปี 2005 นี่เอง ไฟท์นี้ไม่ต้องถึงมือกรรมการ บัวขาว ต่อย แอนดี้ ลงไปที่พื้น 3 นับ ในยกที่ 2 ให้กรรมการจับ TKO ไปในที่สุด และ กลายเป็น “แชมป์ K-1 MAX 2 สมัยคนแรกของโลก” พร้อมชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วโลกแบบพลุแตก รับชมคลิป บัวขาว ราชันย์คืนบัลลังก์ ได้ที่นี่เลย
ต่อจากนั้นในปี 2010 บัวขาว ยังออกจากเซฟโซนของตัวเองไปลงแข่งกติกา ชู๊ตบ็อกซิ่ง ที่สามารถจับทุ่มได้ และ หักล็อคในท่ายืนได้ ในรายการ S-CUP 2010 ทัวร์นาเมนต์ 8 คนสุดมันส์ และ สุดท้ายยังคว้าแชมป์กลับมาได้ เป็นนักมวยไทยคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์ 3 กติกา มวยไทย / คิกบ็อกซิ่ง / ชู๊ตบ็อกซิ่ง รับชมคลิปได้ที่
แต่สิ่งที่ทำให้คนไทย ติดตามข่าวของ บัวขาว มากที่สุดก็คงเป็นการหายตัวหนีค่ายไปจากค่ายเดิมของ บัวขาว ที่สังกัดอยู่ ณ ตอนนั้นซึ่งทำเอาหลายๆคน ต่างสงสัยไปตามๆกันว่าเพราะเหตุใด และ ช่วงนั้นเองที่ แอดมินธี ได้เจอ พี่บัวขาว ครั้งแรกที่ กกท. ในวันที่ไปเคลียร์ปัญหากับหัวหน้าค่ายเดิม ซึ่งตอนแรกตกลงกันไม่ได้ จนทำให้ บัวขาว เกือบจะต้องเลิกชกมวยไทย-มวยสากล-คิกบ็อกซิ่งไป
ตอนนั้น บัวขาว ก็เริ่มไปฝึก MMA เพื่อจะไปแข่งขันในกีฬาอื่นที่สามารถแข่งได้ ก็น่าสนใจนะครับ ว่าถ้าวันนั้นตกลงกันไม่ได้จริงๆ วันนี้ พี่บัวขาว อาจจะยืนอยู่บนเวที UFC หรือ ONE แล้วก็เป็นได้
สุดท้ายด้วยการไกล่เกลี่ยจากทุกฝ่าย บัวขาว ก็สามารถที่จะกลับมาชกมวยไทยได้ และ ฉีกสัญญาได้สำเร็จ ได้ออกมาดูแลตัวเอง จนก่อตั้งค่าย บัญชาเมฆยิม และ กลายเป็นนักมวยไทย คนแรกที่ทำหน้าที่ทั้ง หัวหน้าค่าย เทรนเนอร์ นักมวย และ โปรโมรเตอร์จัดมวย ครบทุกตำแหน่งเลยทีเดียว
เมื่อออกมาเป็นอิสระ บัวขาว ก็เหมือนเร่งเครื่องสู่ความสำเร็จ มีงานเข้ามาทั้งด้านการชกมวย เล่นละคร ภาพยนตร์ พรีเซนเตอร์โฆษณา มีบริษัทหลากหลายแบรนด์ต่างเข้ามาสนับสนุน และ ปัจจุบันพี่บัวขาว ยังได้ก่อตั้ง บัวขาว วิลเลจ หมู่บ้านที่เป็นทั้งค่ายมวย และ รีสอร์ท เอาไว้เพื่อท่องเที่ยว และ ฝึกซ้อม
ทั้งยังจัดตั้งวิทยาลัยเทคโนโลยีการกีฬาบัญชาเมฆ เพื่อผลิตนักมวยไทยที่มุ่งเน้นความเป็นเลิศ มีความรู้วิทยามวยไทยถ่ายทอดได้ ทั้งใน และ ต่างประเทศ รวบรวมความรู้เกี่ยวกับการเกษตรนวัตกรรม ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และมีการเข้าใจเรื่องของวิถีชีวิตวัฒนธรรมของความเป็นไทยอย่างลึกซึ้ง
ใน 100 ไฟท์ ที่ได้รับค่าตัว 1 ล้านบาทขึ้นนั้น บัวขาวคว้าชัยชนะถึง 88 ไฟท์ แพ้ 10 ไฟท์ และ เสมอ 2 ไฟท์ วันนี้ บัวขาว บัญชาเมฆ น่าจะกลายเป็นเหมือนตำนานของมวยไทย ที่สู้ชีวิตผ่านเรื่องราว มามากมายจนประสบความสำเร็จ ในวัย 40 ปีนี้ บัวขาว ก็ยังคงฟิตซ้อม และ กระหายที่จะแข่งขัน เพื่อเผยแพร่วิชามวยไทย
วันนี้ แอดมินธี มองว่า ครูบัวขาว ก็ไม่ต่างจาก ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ยอดนักมวยสากลเจ้าของฉายา เดอะมันนี่ ที่พิสูจน์ตัวเองมาจนหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาสนใจเรื่องใครจะบอกว่า เก่งไม่เก่งอีกต่อไป การขึ้นสังเวียนของ บัวขาว ตอนนี้มันเป็นเรื่องของความสนุกและพึงพอใจล้วนๆ
ล่าสุดแอดมินธี ได้ชม ฟลอยด์ ให้สัมภาษณ์ในการแถลงข่าวก่อนขึ้นชกโชว์กับ มิคุรุ อาซากุระ นัก MMA ชาวญี่ปุ่น ที่ท้าให้ฟลอยด์มาต่อยด้วยนวม MMA แทนที่จะเป็น นวมมวยสากล ว่าเมื่อพูดถึงเรื่องการเจรจาแล้ว ใครก็ต่อรองหรือบังคับให้เขาทำอะไรที่เขาไม่อยากทำได้หรอก ขนาด คอนอร์ แมคเกรกอร์ นักสู้ MMA ก็ยังเคยโดนบีบให้ชกมวยสากลมาแล้ว เพราะเค้าทำงานมาหนักมากกว่าจะมาถึงวันนี้ ใครอย่าคิดว่าจะมานอกเกมส์กับเค้าได้
ซึ่งจุดนี้แอดมินธีก็คิดว่าเหมือน บัวขาว ที่ตอนนี้มี เดฟ เลดัค นักมวยฝรั่งฝึกมวยไทย แล้วไปดังกับมวยพม่า ซึ่งพยายามยั่วยุ ครูบัวขาว ด้วยการด่าทั้งประวัติศาสตร์มวยไทย ปรมาจารย์มวยไทยเช่นนายขนมต้ม หรือลามมาเรื่องครอบครัวของพี่บัวขาว ล่าสุดนี่ถึงกับด่าไปจนถึงพระมหากษัตริย์ กันเลยทีเดียว โดยเลดัค ต่อยในรุ่น 80 กิโล ส่วนพี่บัวต่อยในรุ่น 70 กิโล และ พยายามจะให้พี่บัวไปชกในกติกามวยพม่า ที่ใช้หัวโขกได้อีกด้วย คือเรียกว่าจะเอาเปรียบเต็มที่ ซึ่งแอดมินธี เห็นว่าไม่มีประโยชน์เลยสักนิด ตอนนี้ บัวขาว คือไอดอลของเหล่าน้องๆนักมวยรุ่นใหม่ ที่หวังจะก้าวขึ้นมาเป็น บัวขาว คนที่ 2 ที่รักษาร่างกายได้ดีในวัย 40 และ ยังเป็นนักชกที่มีคนนับถือ และ รู้จักไปทั่วโลก
สุดท้ายก็ขอปิดบทความนี้ว่า แอดมินธี และ เพจมวยไทยฮีโร่ จะเป็นกำลังใจให้แก่ ครูบัวขาว ในทุกตำแหน่งหน้าที่ครับ รอชมการแข่งขันครั้งต่อไปไม่ว่าจะในกติกาไหนของ ครูบัวขาว ไม่ไหวแล้ว ^_^ ติดตามมวยไทยฮีโร่ ได้ทุกช่องทางทั้ง เฟสบุ๊ค ยูทูป ติ๊กต๊อก อินสตารแกรม ได้ที่ MUAY THAI HERO นะครับ
แฟนๆมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง บอกแอดมินธีหน่อยนะครับ เกี่ยวกับเรื่องนี้ และ อยากให้ พี่บัวขาว นั้นไปแข่งในรายการไหนอีก ลองบอกมาหน่อยครับ สำหรับแอดมินธี คิดว่า ONE Championship ก็น่าสนใจมากนะ